วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563

ข้อคิดจากเรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์

ข้อคิดที่ควรพิจารณา จากเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ 
1. การขาดการพิจารณาไตร่ตรอง  นำไปซึ่งความสูญเสีย ดังเช่น เหล่ากษัตริย์ลิจฉวี “ขาดการพิจารณาไตร่ตรอง” คือ ขาดความสามารถในการใช้ปัญญาตริตรองพิจารณาสอบสวน และใช้เหตุผลที่ถูกต้อง จึงหลงกลของวัสสการพราหมณ์ ถูกยุแหย่ให้แตกความสามัคคีจนเสียบ้านเสียเมืองในรัชกาลที่ 6 ด้วยเหตุที่คนไทยมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินกิจการบ้านเมืองแตกต่างกันหลายฝ่าย  ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ กวีจึงนิยมแต่งวรรณคดีปลุกใจขึ้นเป็นจำนวนมาก  สามัคคีเภทคำฉันท์เป็นเรื่องหนึ่งในจำนวนนั้น นายชิต บุรทัต  แต่งเรื่องนี้ขึ้น  โดยมุ่งชี้ให้เห็นความสำคัญของความสามัคคี เพื่อบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นมั่นคง แต่ในปัจจุบันกระแสชาตินิยมลดลง  แต่ความสามัคคีก็เป็นหลักธรรมสำคัญในการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ  วรรณคดีเรื่องนี้จึงเป็นเนื้อหาที่มีคติสอนใจทันสมัยอยู่เสมอ
2. แนวคิดของเรื่องสามัคคีเภท  สามัคคีเภทคำฉันท์ เป็นนิทานสุภาษิตสอนใจให้เห็นโทษของการแตกความสามัคคี  และแสดงให้เห็นความสำคัญของการใช้สติปัญญาให้เกิดผลโดยไม่ต้องใช้กำลัง
3. ข้อคิดเห็นระหว่างวัสสการพราหมณ์กับกษัตริย์ลิจฉวี  บางคนอาจมีทรรศนะว่า วัสสการพราหมณ์ขาดคุณธรรม ใช้อุบายล่อลวงผู้อื่นเพื่อประโยชน์ฝ่ายตน แต่มองอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่า  วัสสการพราหมณ์น่ายกย่องตรงที่มีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอชาตศัตรูและต่อบ้านเมือง  ยอมถูกลงโทษเฆี่ยนตี  ยอมลำบาก  จากบ้านเมืองตนไปเสี่ยงภัยในหมู่ศัตรู  ด้องใช้ความอดทน  สติปัญญาความสามารถอย่างสูงจึงจะสัมฤทธิผลตามแผนการที่วางไว้ส่วนกษัตริย์ลิจฉวีเคยใช้หลักอปริหานิยธรรมร่วมกันปกครองแคว้นวัชชีให้มั่นคงเจริญมาช้านาน  แต่เมื่อถูกวัสสการพรามหณ์ใช้อุบายยุแหย่ให้แตกความสามัคคี ก็พ่ายแพ้ศัตรูได้โดยง่ายดาย
4. เรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ให้อะไรกับผู้อ่าน  ข้อคิดสำคัญที่ได้จากเรื่อง คือ โทษของการแตกความสามัคคี ส่วนแนวคิดอื่น ๆ มีดังนี้
    4.1 การใช้ปัญญาเอาชนะศัตรูโดยไม่เสียเลือดเนื้อ
    4.2 การเลือกใช้บุคคลให้เหมาะสมกับงานจะทำให้งานสำเร็จได้ด้วยดี
    4.3 การใช้วิจารณญาณไตร่ตรองก่อนทำการใด ๆ เป็นสิ่งที่ดี
   4.4 การถือความคิดของตนเป็นใหญ่และทะนงตนว่าดีกว่าผู้อื่น ย่อมทำให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม

5. ศิลปะการประพันธ์ในสามัคคีเภทคำฉันท์ นายชิต บุรทัต  สามารถสร้างตัวละคร เช่น  วัสสการพราหมณ์ ให้มีบุคลิกเด่นชัด  และสามารถดำเนินเรื่องให้ชวนติดตาม  นอกจากนี้ ยังมีความเชี่ยวชาญในการแต่งคำประพันธ์ ดังนี้
    5.1 เลือกสรรฉันท์ชนิดต่าง ๆ มาใช้สลับกันอย่างเหมาะสมกับเนื้อเรื่องแต่ละตอน เช่น ใช้วสันตดิลกฉันท์ 14 ซึ่งมีลีลาไพเราะ ชมความงามของเมืองราชคฤห์  ใช้อีทิสังฉันท์ 20 ซึ่งมีลีลากระแทกกระทั้นแสดงอารมณ์โกรธ
    5.2 ดัดแปลงฉันท์บางชนิดให้ไพเราะยิ่งขึ้น เช่น เพิ่มสัมผัสบังคับคำสุดท้ายของวรรคแรกกับคำที่ 3 ของวรรคที่ 2 ในฉันท์ 11 ฉันท์ 12 และฉันท์ 14  เป็นที่นิยมแต่งตามมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ นายชิต บุรทัต  ยังเพิ่มลักษณะบังคับ ครุ ลหุ  สลับกันลงในกาพย์สุรางคนางค์ 28 ให้มีจังหวะคล้ายฉันท์ด้วย
    5.3 เล่นสัมผัสในทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษรอย่างไพเราะ  เช่น  คะเนกล – คะนึงการ  ระวังเหือด – ระแวงหาย
    5.4 ใช้คำง่าย ๆ ในการเล่าเรื่อง  ทำให้ดำเนินเรื่องได้รวดเร็ว  และผู้อ่านเข้าใจเรื่องได้ทันที
    5.5 ใช้คำง่าย ๆ ในการบรรยายและพรรณนาดัวละครได้อย่างกระชับ  และสร้างภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น