สรุป
หลักอปริหานิยธรรม หรือ
ลิจฉวีอปริหานิยธรรม
หลักอปริหานิยธรรม
คือ ข้อปฏิบัติหรือธรรมอันเป็นเหตุไม่ให้เกิดความเสื่อมมี ๗ ข้อ
เป็นหลักธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนทั้งฝ่ายคฤหัสถ์
โดยตรัสสั่งสอนเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี
และตรัสสั่งสอนเหล่าภิกษุที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ
หลักอปริหานิยธรรมสำหรับฝ่ายคฤหัสถ์
มีดังนี้
๑. หมั่นประชุมกันเนือง ๆ
๒. ประชุมหรือเลิกประชุม
และทำกิจของส่วนรวมอย่างพร้อมเพรียงกัน
๓. ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติ
ไม่ถอนสิ่งที่ได้บัญญัติไว้แล้วยึดถือปฏิบัติตามหลักธรรมที่บัญญัติไว้
๔. เคารพนับถือเชื่อฟังและให้เกียรติแก่ผู้เป็นประธาน
ผู้บริหารหมู่คณะ และปฏิบัติตามหลักธรรมที่บัญญัติไว้
๕.
ให้เกียรติ ให้ความปลอดภัยแก่สตรีเพศ ไม่ข่มเหงฉุดคร่า
๖.
เคารพนับถือบูชาพระเจดีย์ทั้งหลายทั้งภายในและภายนอกเมือง และไม่บั่นทอนผลประโยชน์ที่เคยอุปถัมภ์บำรุงพระเจดีย์เหล่านั้น
๗. จัดการอารักขาโดยธรรมแก่พระอริยะ
ด้วยตั้งความปรารถนาว่า พระอริยะเหล่านี้ที่ยังไม่มาสู่บ้านนี้เมืองนี้ขอให้มา
ส่วนที่มาแล้วขอให้ท่านอยู่ผาสุก
หลักอปริหานิยธรรมสำหรับฝ่ายศาสนจักร
หรือฝ่ายภิกษุสงฆ์
ที่ตรัสสั่งสอนเหล่าภิกษุสงฆ์ใน ๔
ข้อแรกนั้นเหมือนกับที่ตรัสแก่เจ้าลิจฉวี มีแตกต่างกัน ๓ ข้อสุดท้าย ซึ่งอปริหานิยธรรมสำหรับพระภิกษุนั้นมี
๒ นัย
อปริหานิยธรรม
๗ สำหรับพระภิกษุ นัยที่ ๑
๑.
หมั่นประชุมกันเนือง ๆ
๒.
ประชุมหรือเลิกประชุม และทำกิจของส่วนรวมอย่างพร้อมเพรียงกัน
๓.
ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติ ไม่ถอนสิ่งที่ได้บัญญัติไว้แล้วยึดถือปฏิบัติตามหลักธรรมที่บัญญัติไว้
๔.
เคารพนับถือเชื่อฟังและให้เกียรติแก่ผู้เป็นประธาน ผู้บริหารหมู่คณะ
และปฏิบัติตามหลักธรรมที่บัญญัติไว้
๕. ไม่ลุอำนาจแก่ความอยากที่เกิดขึ้น
คือไม่ลุแก่ตัณหาอันจะก่อให้เกิดภพใหม่
๖.
ยินดีในความสงบ สันโดษ หมายถึงการยินดีในการอยู่ป่า
๗. ตั้งใจอยู่เสมอว่า
พระภิกษุสามเณรผู้มีศีลที่ยังไม่มาสู่อาวาสขอให้มา ที่มาแล้วขอให้อยู่ผาสุก
อปริหานิยธรรม
๗ สำหรับพระภิกษุ นัยที่ ๒
๑.
ไม่เป็นผู้ชอบการงาน ไม่ยินดีแล้วในการงาน
๒.
ไม่เป็นผู้ชอบการคุย ไม่ยินดีแล้วในการคุย
๓.
ไม่เป็นผู้ชอบการนอนหลับ ไม่ยินดีแล้วในการนอนหลับ
๔.
ไม่เป็นผู้ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ไม่ยินดีแล้วในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๕.
ไม่เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ไม่ลุอำนาจแก่ความปรารถนาลามก
๖.
เป็นผู้ไม่มีมิตรชั่ว สหายชั่ว หรือคบคนชั่ว
๗.
ไม่ถึงความนอนใจในระหว่าง เพราะการบรรลุคุณวิเศษเพียงขั้นต่ำ
อปริหานิยธรรม
๗ สำหรับพระภิกษุ นัยที่ ๓
๑.
เป็นผู้มีศรัทธา
๒.
เป็นผู้มีใจประกอบด้วยหิริ
๓.
เป็นผู้มีโอตัปปะ
๔.
เป็นพหูสูต
๕.
เป็นผู้ปรารถนาความเพียร
๖.
เป็นผู้มีสติตั้งมั่น
๗.
เป็นผู้มีปัญญา
อปริหานิยธรรม
๗ สำหรับพระภิกษุ นัยที่ ๔
๑.
เจริญสติสัมโพชฌงค์
๒.
เจริญวิริยสัมโพชฌงค์
๓.
เจริญวิริยสัมโพชฌงค์
๔.
เจริญปิติสัมโพชฌงค์
๕.
เจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
๖.
เจริญสมาธิสัมโพชฌงค์
๗.
เจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
อปริหานิยธรรม
๗ สำหรับพระภิกษุ นัยที่ ๕
๑.
เจริญอนิจจสัญญา
๒.
เจริญอนัตตสัญญา
๓.
เจริญอสุภสัญญา
๔.
เจริญอาทีนวสัญญา
๕.
เจริญปหานสัญญา
๖.
เจริญวิราคสัญญา
๗.
เจริญนิโรธสัญญา
อปริหานิยธรรม
๖ สำหรับพระภิกษุ นัยที่ ๕
๑.
เข้าไปตั้งกายกรรมประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
๒.
เข้าไปตั้งวจีกรรมประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
๓.
เข้าไปตั้งมโนกรรมประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
๔.
แบ่งปันลาภอันเป็นธรรมที่ได้มาโดยธรรม แก่เพื่อนพรหมจรรย์
๕.
มีศีลเสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ
๖.
มีทิฐีเสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น